Home » 5 อันดับมือถือ กล้องเทพ ถ่ายสวย [อัพเดท 2023]

5 อันดับมือถือ กล้องเทพ ถ่ายสวย [อัพเดท 2023]

5 อันดับมือถือ กล้องเทพ ถ่ายสวย [อัพเดท 2023]

สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้คือความสำคัญของกล้องมือถือในปัจจุบัน ด้วยความสะดวกสบายที่พกพาได้ตลอดเวลา มือถือกล้องดีที่ถ่ายรูปสวยเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ เพราะสามารถบันทึกความทรงจำที่สวยงามของชีวิตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งปัจจุบันมือถือมีการอัพเดทเทคโนโลยีกันบ่อยครั้ง จนทำให้อาจจะตามไม่ทัน ดังนั้นการเลือกซื้อมือถือกล้องดีที่สุดกลายเป็นภารกิจที่ท้าทาย แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป!

หากคุณกำลังมองหามือถือกล้องดีที่ถ่ายภาพสวย ภาพคมชัด ถ่ายในที่มืดได้ดี ซูมได้มาก วันนี้เรามีการจัดอันดับมือถือ อัพเดทปี 2023

1. Samsung Galaxy S23 Ultra

รูปจาก Samsung

กล้องของ Samsung S23 Ultra ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนมาก โดยมีความละเอียดสูงถึง 200MP ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูง โดยค่าเริ่มต้นกล้องของ Samsung S23 Ultra ถ่ายภาพด้วยความละเอียด 12MP โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า pixel-binning ซึ่งรวม 16 พิกเซลเข้าด้วยกันเป็นพิกเซลเดียว และยังสามารถปรับให้มีความละเอียดสูงได้ถึง 200MP ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงได้อย่างดี

นอกจากนี้จุดเด่นของ Samsung S23 Ultra คือการ Zoom โดยกล้องหลังสามารถซูมไปถึง 10 กล้อง (เลนส์ telephoto) ซึ่งจะทำให้ระยะการซูมคมชัดขึ้นอย่างมาก และยังสามารถ Zoom แบบ Digital ได้ถึง 100 เท่าอีก เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่สามารถนำไปใช้ถ่ายในงานคอนเสิร์ต หรืองานที่ต้องการเก็บภาพในระยะไกลได้เป็นอย่างดี

คุณสมบัติ

  • วันเปิดตัว: กุมภาพันธ์ 2023
  • น้ำหนัก: 234 กรัม
  • ขนาด: 163.4 x 78.1 x 8.9 มม.
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 พร้อม One UI 5.1
  • ขนาดหน้าจอ: 6.8 นิ้ว
  • ความละเอียด: 1440 x 3088
  • ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy
  • หน่วยความจำ: 8GB / 12GB
  • ความจุของที่เก็บข้อมูล: 256GB / 512GB / 1TB
  • แบตเตอรี่: 5,000mAh
  • กล้องหลัง: 200MP (wide) + 10MP (telephoto, 3x optical) + 10MP (telephoto, 10x optical) + 12MP (ultrawide, 120-degree)
  • กล้องหน้า: 12MP

ราคา ณ วันที่ลงบทความ 40,000 – 60,000 บาท

สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ True Move Lazmall เลย


2. Apple iPhone 14 Pro Max

รูปจาก apple

iPhone 14 Pro Max ของ Apple มาพร้อมกับคุณสมบัติทางการถ่ายภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้:

กล้องหลักสามเลนส์ (Triple-Lens Camera): กล้องหลักประกอบด้วย 3 เลนส์ ได้แก่ 48 MP (wide), 12 MP (telephoto), และ 12 MP (ultrawide) ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพในมุมมองที่หลากหลาย สามารถซูมได้ถึง 3 เท่าโดยไม่เสียคุณภาพ และยังสามารถถ่ายภาพกว้างได้ถึง 120 องศา

TOF 3D LiDAR Scanner: เทคโนโลยีนี้ช่วยในการวัดความลึกของวัตถุที่อยู่ในภาพ ทำให้การถ่ายภาพ Portrait หรือภาพที่มีฉากหลังเบลอนั่นสวยงามและมีความคมชัดมากขึ้น

Night mode: โหมดนี้ช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น และยังมีการปรับเพิ่มคุณภาพภาพให้สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ

Smart HDR 3: เทคโนโลยีนี้ช่วยปรับแต่งแสงและรายละเอียดในภาพอัตโนมัติ เพื่อให้ภาพของคุณมีความสว่างสดใส และมีรายละเอียดที่คมชัด

Deep Fusion: ฟีเจอร์นี้ทำงานในการประมวลผลภาพจากพิกเซลเพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดสูง และมีความลึกเมื่อเทียบกับการถ่ายภาพปก

คุณสมบัติ

  • วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565
  • หนัก 240 กรัม ความหนา 7.9 มิลลิเมตร
  • รันบนระบบปฏิบัติการ iOS 16 สามารถอัปเกรดไปสู่ iOS 16.5 และมีแผนการอัปเกรดไปสู่ iOS 17
  • จัดเตรียมความจุที่ 128GB/256GB/1TB พร้อมกับ RAM 6GB
  • มีชิปเซ็ต Apple A16 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่ทำจากกระบวนการ 4 นาโนเมตร
  • จอแสดงผลประเภท LTPO Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1290×2796 พิกเซล และมีการป้องกันด้วยเทคโนโลยี Ceramic Shield glass
  • กล้องหลักประกอบด้วย 3 เลนส์ ได้แก่ 48 MP (wide), 12 MP (telephoto), และ 12 MP (ultrawide) และยังมี TOF 3D LiDAR scanner สำหรับวัดความลึก
  • กล้องหน้า Single 12 MP ที่มีความรูปภาพ f/1.9
  • ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม.
  • มีการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 และ Bluetooth 5.3
  • มีความสามารถในการทนทานฝุ่นและน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68
  • สนับสนุนเทคโนโลยี 5G
  • มีแบตเตอรี่ 4323 mAh

ราคา ณ วันที่ลงบทความ 30,000 – 60,000 บาท

สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Banana IT Lazmall เลย


3. Oppo Find X5 Pro

oppo find x5 pro
รูปจาก oppo.com

Oppo Find X5 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจ วางขายเมื่อในวันที่ 14 มีนาคม 2565 มีน้ำหนักเพียง 218 กรัมหรือ 195 กรัม พร้อมความหนา 8.5 มม. มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่สามารถอัปเกรดไปยัง Android 13 และ ColorOS 13 ที่เป็นเครื่องมือของ OPPO สำหรับการปรับแต่ง UI และการใช้งานของ Android

หน้าจอเป็นแบบ LTPO2 AMOLED ที่มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 3216 พิกเซล และมีความเข้มของพิกเซลประมาณ 525 ppi มันเป็นจอแสดงผลที่มีคุณภาพสูงสุด เพื่อสีที่คมชัดสวยงาม และยังมีการป้องกันด้วย Corning Gorilla Glass Victus

มาพร้อมกับกล้องหลักที่มีความละเอียดสูงถึง 50 MP มีเลนส์ขนาด 25mm (wide) ที่มีเทคโนโลยี PDAF และ OIS มีกล้องที่สองที่มีความละเอียด 13 MP มีเลนส์ขนาด 52mm (telephoto) และมีกล้องที่สามที่มีความละเอียด 50 MP ที่มีเลนส์ขนาด 15mm, 110˚ (ultrawide) มีฟีเจอร์เฉพาะอย่าง Hasselblad Color Calibration ที่จะช่วยให้สีของภาพถูกต้องมากขึ้น รวม HDR และ panorama สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 32 MP มีฟีเจอร์ Panorama อีกด้วย

คุณสมบัติ

  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12, สามารถอัปเกรดไปยัง Android 13, ColorOS 13
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm SM8450 Snapdragon 8 Gen 1 (4 nm) – สำหรับตลาดโลก / Mediatek MT6983 Dimensity 9000 (4 nm) – สำหรับตลาดจีน
  • CPU: Octa-core (1×3.00 GHz Cortex-X2 & 3×2.50 GHz Cortex-A710 & 4×1.80 GHz Cortex-A510) – สำหรับตลาดโลก / Octa-core (1×3.05 GHz Cortex-X2 & 3×2.85 GHz Cortex-A710 & 4×1.80 GHz Cortex-A510) – สำหรับตลาดจีน
  • GPU: Adreno 730 – สำหรับตลาดโลก
  • หน่วยความจำภายใน: 256GB 8GB RAM, 256GB 12GB RAM, หรือ 512GB 12GB RAM; UFS 3.1
  • หน้าจอ: LTPO2 AMOLED, 1B colors, 120Hz, HDR10+, BT.2020, 500 nits (typ), 800 nits (HBM), 1300 nits (peak); ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 1440 x 3216 pixels, ความหนาแน่น ~525 ppi
  • กล้องหลัก: 50 MP, f/1.7, 25mm (wide); 13 MP, f/2.4, 52mm (telephoto), 2x optical zoom; 50 MP, f/2.2, 15mm, 110˚ (ultrawide); พร้อมฟีเจอร์ Hasselblad Color Calibration, LED flash, HDR, panorama
  • กล้องหน้า: 32 MP, f/2.4, 21mm (wide), พร้อมฟีเจอร์ Panorama
  • ลำโพง: มีลำโพงสเตอริโอ
  • ช่องเสียบหูฟัง: ไม่มี
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.2, USB Type-C 3.1
  • เซนเซอร์: Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
  • แบตเตอรี่: Li-Po 5000 mAh, non-removable; 80W wired charging, 50% in 12 min (advertised); 50W wireless, 100% in 47 min (advertised); 10W reverse wireless

ราคา ณ วันที่ลงบทความ 40,000 บาท

สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Advice Online Lazmall เลย


4. Huawei P60 Pro

รูปจาก Huawei

Huawei P60 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มุ่งเน้นการถ่ายภาพและมีการปรับปรุงอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ มีการออกแบบที่สวยงามด้วยแผงกระจกโค้งทั้งสองด้าน หน้าจอเป็นชนิด LTPO OLED ที่มีความละเอียดสูง อัตราการรีเฟรช 120Hz และสามารถแสดงสีได้ถึง 1 พันล้านสี กล้องหลังมีจำนวน 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP ที่มีรูรับแสงและเลนส์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้, กล้องโทรศัพท์ 48MP ที่มีซูมทางตาศาสตร์ 3.5x และตัวเลือก tele macro, และกล้องทรงกลม 13MP ที่มี auto focus นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้า 13MP ที่มีเลนส์กว้าง 18มม. อีกด้วย

คุณสมบัติ

  • ขนาดและน้ำหนัก: 161.0 x 74.5 x 8.3 มม., 200 กรัม
  • วัสดุ: โครงอลูมิเนียม, หลังกระจก
  • การป้องกัน: กันฝุ่น/น้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 (สามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที)
  • หน้าจอ: 6.67 นิ้ว LTPO OLED, 1B สี, 120Hz, ความละเอียด 1220 x 2700 พิกเซล, อัตราส่วน 19.92:9, 444ppi
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1 4G (4 nm): Octa-core (1×3.19 GHz Cortex-X2 & 3×2.75 GHz Cortex-A710 & 4×2.0 GHz Cortex-A510); Adreno 730
  • หน่วยความจำ: 256GB, 512GB; UFS; NM (Nano Memory), สูงสุด 256GB (ใช้ช่องเสียบซิมร่วม)
  • ระบบปฏิบัติการ: HarmonyOS 3.1 (China), EMUI (Europe), ไม่มี Google Play Services
  • กล้องหลัง: Wide (main): 48 MP, f/1.4-f/4.0, 25mm, PDAF, Laser AF, OIS; Telephoto: 48 MP, f/2.1, 90mm, PDAF, sensor-shift stabilization + OIS, 3.5x optical zoom; Ultra wide angle: 13 MP, f/2.2, 13mm
  • กล้องหน้า: 13 MP, f/2.4, (ultrawide)
  • การบันทึกวิดีโอ: กล้องหลัง: 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps, 1080p@960fps; gyro-EIS; กล้องหน้า: 4K@30fps, 1080p@30fps
  • แบตเตอรี่: 4,815mAh; ชาร์จแบบเร็ว 88W ผ่านสาย, 50W แบบไร้สาย
  • การเชื่อมต่อ: LTE; Hybrid Dual SIM; Wi-Fi 6; BT 5.2; NFC; Infrared port
  • อื่น ๆ: เซนเซอร์สแกนลายนิ้วม

ราคา ณ วันที่ลงบทความ 35,000 – 45,000 บาท

สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Huawei Lazmall เลย


5. Xiaomi 13

รูปจาก mi

Xiaomi 13 มี ระบบกล้องใหม่ที่มีการใช้ telephoto เต็มรูปแบบ และจุดเด่นคือกล้องที่ร่วมมือกับทาง Leica ด้วยความหลากหลายของกล้อง ได้แก่ กล้องหลักขนาด 50MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX800 และเลนส์ HyperOIS ที่มีความสูง 7 ชิ้น พร้อมระบบ Xiaomi ProFocus, โหมดภาพถ่ายแนวกว้างในที่มืด, Ultra Night Video, และการบันทึกวิดีโอที่สูงสุด 8K@24fps กล้องมุมกว้างขนาด 12MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ OmniVision OV13B10 และเลนส์ f/2.2 ที่มีมุมมอง 120 องศา กล้อง telephot ขนาด 10MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ Samsung S5K3K1 และเลนส์ที่มีการเสถียรภาพทางออปติก (OIS) f/2.0 กล้องหน้าขนาด 32MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ OmniVision OV32C และเลนส์ f/2.0

และจุดเด่นคือเทคโนโลยี Software ที่มีแอปกล้อง ที่มีโหมดสี Leica ใหม่ที่สามารถสลับระหว่างโปรไฟล์สี “Vibrant” และโหมดสี “Authentic” ของ Leica และยังมีโหมด Pro ที่มีความสามารถสูง ที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์การถ่ายภาพเองได้ ซึ่งรวมถึงการควบคุมความเร็วชัตเตอร์และ ISO ได้อีกด้วย ใครสาวก Leica ต้องมาโดนตัวนี้

คุณสมบัติ

ฮาร์ดแวร์

  • ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 898
  • RAM: 8GB หรือ 12GB (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
  • ROM: 128GB, 256GB, หรือ 512GB (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
  • หน้าจอ: AMOLED, 120Hz, HDR10+, 6.7 นิ้ว, 1440 x 3200 pixels

กล้อง

Xiaomi 13 มีระบบกล้องหลังที่ทันสมัยที่สุด ดังนี้:

  1. กล้องหลัก: 50MP โดยใช้เซนเซอร์ Sony IMX800 สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ 8K 24fps
  2. กล้องอัลตราไวด์: 12MP โดยใช้เซนเซอร์ OmniVision OV13B10
  3. กล้องโทรสโคป: 10MP โดยใช้เซนเซอร์ Samsung S5K3K1 มีการเสถียรภาพทางออปติก (OIS) และใช้เทคนิคโฟกัสแบบ PDAF

กล้องหน้าของ Xiaomi 13 เป็นกล้อง 32MP ที่ใช้เซนเซอร์ OmniVision OV32C

ด้านซอฟต์แวร์ของกล้อง, มีโหมดที่หลากหลายที่สามารถเลือกใช้ รวมถึงการสวิตช์โหมดสี Leica ระหว่าง “Vibrant” และ “Authentic” โหมด Pro ที่สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์การถ่ายภาพ, โหมด Portrait ที่มีการจำลองของเลนส์กล้องต่างๆสำหรับการถ่ายภาพบุคคล

ที่สำคัญ รูปภาพที่ถ่ายจากกล้องหลักของ Xiaomi 13 ในรูปแบบ 12.5MP มีความใสและคมชัด มีรายละเอียดที่สูง

ราคา ณ วันที่ลงบทความ 30,000 บาท

สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Xiaomi Official Store Lazmall เลย